วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การประเมินผลโครงการพัฒนาครูและผู้บริหารประจำการ

การประเมินผลโครงการพัฒนาครูและผู้บริหารประจำการให้ได้รับวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู และวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการบริหารการศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการให้การศึกษาอบรมในโครงการพัฒนาครูและผู้บริหารประจำการให้ได้รับวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพครู และวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการบริหารการศึกษา โดยการแจกแบบสอบถามให้ผู้เข้าร่วมโครงการอบรมให้ได้รับวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพครู จำนวน 34 คน และ อบรมให้ได้รับวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการบริหารการศึกษา จำนวน 35 คน
การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม โดยใช้การแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาทำการวิเคราะห์โดยการตีความข้อมูลในลักษณะ Interpretive understanding โดยสรุปผลการประเมินเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 สภาพทั่วไปของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ
ตอนที่ 2 ประเมินกระบวนการดำเนินงานของโครงการ ฯ
ตอนที่ 3 ประเมินผลการดำเนินโครงการ ฯ ซึ่งผลสรุปมีดังนี้

ตอนที่ 1 สภาพทั่วไปของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ
ผู้เข้าร่วมศึกษาอบรมหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 25 -35 ปี มากที่สุด ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส และเกือบทั้งหมดมีอาชีพรับราชการครู ตำแหน่งเป็นครูผู้สอน/อาจารย์มาก ปฏิบัติงานในลักษณะสอนหนังสือ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงาน 1-5 ปี และมาจากโรงเรียนสาธิตฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โดยสมัครเข้ารับการศึกษาอบรมเอง
ผู้เข้าร่วมศึกษาอบรมหลักสูตร ป.บัณฑิตทางการบริหารการศึกษา ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 36-45 ปี มากที่สุด ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส มีอาชีพรับราชการครู มีตำแหน่งเป็นครูผู้สอน/อาจารย์มากที่สุด ปฏิบัติงานในลักษณะสอนหนังสือ มากที่สุด ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงาน 16-20 ปี ส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนสาธิตฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และเข้ารับการศึกษาอบรมด้วยการสมัครเข้าอบรมเอง





ตอนที่ 2 กระบวนการดำเนินงานของโครงการ
ในการประเมินผลกระบวนการดำเนินงานโครงการ ฯ เกี่ยวกับความเหมาะสมของโครงการ ผลกระทบของโครงการ และความคิดเห็นต่ออาจารย์ผู้สอน สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการอบรมหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู และหลักสูตร ป.บัณฑิตทางการบริหารการศึกษา เห็นว่าภาพรวมกระบวนการดำเนินงานโครงการ ฯ อยู่ในระดับดี และเมื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการ ฯ ทั้ง 2 กลุ่มเห็นว่าโครงการมีความเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและเสริมสร้างประสบการณ์ในการทำงาน อยู่ในระดับดีมาก เนื้อหาวิชาของหลักสูตร เอกสารตำราเรียน ระยะเวลาในการจัดการศึกษาอบรม ห้องเรียน อาคารสถานที่ การให้บริการของเจ้าหน้าที่โครงการ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับดี
นอกจากนี้เมื่อถามถึงความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมฝึกอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ เห็นว่าความรู้ที่ได้รับเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับดีมาก ได้รับความรู้จากการเข้าร่วมโครงการ สามารถนำความรู้ไปใช้ปฏิบัติงานได้จริง และความรู้ที่ได้รับเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน อยู่ในระดับดี
ในการเข้าร่วมโครงการ ฯ ผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ เต็มใจเข้าร่วมโครงการเอง และมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน และรู้สึกมีความสุขที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ตลอดจนผู้บริหารให้การสนับสนุนอยู่ในระดับดี
เกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอน ผู้เข้าร่วมโครงการ เห็นว่า อาจารย์ผู้สอนใช้ภาษาและถ้อยคำที่เหมาะเข้าใจง่าย กระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นและซักถาม ตลอดจนมีความรอบรู้ในการถ่ายทอดความรู้อยู่ในระดับดีมาก อาจารย์ผู้สอนมีการเตรียมและมีความพร้อม สามารถอธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนและตรงประเด็น ลำดับเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับดี

ตอนที่ 3 ผลการดำเนินงานของโครงการ ฯ
ในการประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ ฯ ได้ผลสรุปจากข้อคำถามความคิดเห็นเพิ่มเติมของผู้เข้าร่วมโครงการ สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการเห็นว่า สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้และนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน อาทิ นำไประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน / การบริหารงาน พัฒนาเรื่องการบริหารการศึกษาและประกันคุณภาพการศึกษา และนำไปพัฒนาการทำงานและใช้ในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่เห็นว่าโครงการมีการดำเนินงานที่คุ้มค่าเพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้อย่างหลากหลาย อาทิ สามารถนำไปพัฒนาการเรียนการสอน พัฒนาการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรประจำการแสวงหาความก้าวหน้าให้กับตนเอง พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ และสามารถสร้างนักบริหารมือชีพมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการ เห็นว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ควรดำเนินการต่อไป โดยจัดการเรียนสัปดาห์ละ 1 วัน หรือเรียนทางเวปไซต์ และควรเผยแพร่สื่อการสอน/เนื้อหาสาระบนเวปไซต์ให้นักศึกษาดาวน์โหลดได้เพื่อการศึกษาด้วยตนเอง

เมื่อพิจารณา ถึงปัญหาและอุปสรรค ผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ เห็นว่า ระยะเวลาของโครงการน้อยเกินไป และควรมีการนิเทศติดตามการปฏิบัติงานที่สถานศึกษาบ้าง

ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต

ชื่อเรื่อง : ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ปีการศึกษา 2549 - 2550
ผู้วิจัย : พรหมมา วิหคไพบูลย์ วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
งบประมาณ : โครงการติดตามคุณภาพบัณฑิตวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ปีการศึกษา 2549-2550
ปีที่ทำวิจัย : 2551

บทคัดย่อ
ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการปฏิบัติงานของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ปีการศึกษา 2549 - 2550 โดยเก็บข้อมูลจากหัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ปฏิบัติงานอยู่ทั้งในหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชน จำนวน 126 คน ดำเนินการเก็บข้อมูล โดยใช้แบบสอบถามส่งไปทางไปรษณีย์ และขอให้ผู้ใช้บัณฑิตส่งกลับมายังวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยทำการศึกษาตามขอบข่ายของเนื้อหา 4 ด้าน คือ ภาพรวมบัณฑิตวิทยาลัยการฝึกหัดครูทั้ง 3 สาขา พบว่า ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (4.45) เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความสามารถทางวิชาการ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกรายการ (4.28) ด้านความรู้ ความสามารถพื้นฐานที่ส่งผลต่อการทำงาน ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกรายการ (4.14) ด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ (4.71) และด้านคุณลักษณะของบัณฑิต ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ (4.60)
เมื่อจำแนกเป็นรายสาขา พบว่า
ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อผลการปฏิบัติงานและคุณลักษณะของบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาคณิตศาสตร์ พบว่า ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (4.66) เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความสามารถทางวิชาการ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิต มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเกือบทุกรายการ (4.40) ยกเว้นเรื่อง ความรอบรู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี ผู้บังคับบังชามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (4.56) ด้านความรู้ ความสามารถพื้นฐานที่ส่งผลต่อการทำงาน ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกรายการ (4.31) ด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ (4.91) และด้านคุณลักษณะของบัณฑิต ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ (4.88)
ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อผลการปฏิบัติงานและคุณลักษณะของบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาการศึกษาปฐมวัย พบว่า ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (4.36) เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความสามารถทางวิชาการ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเกือบทุกรายการ (4.27) ยกเว้นเรื่อง ความรู้เกี่ยวกับงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ และทักษะในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บังคับบัญชามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (4.56 เท่ากัน) ด้านความรู้ ความสามารถพื้นฐานที่ส่งผลต่อการทำงาน ผู้บังคับ บัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกรายการ (4.07) ด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (4.58) และด้านคุณลักษณะของบัณฑิต ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (4.49)
ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อผลการปฏิบัติงานและคุณลักษณะของบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา พบว่า ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (4.26) เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความสามารถทางวิชาการ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกรายการ (4.08) ด้านความรู้ ความสามารถพื้นฐานที่ส่งผลต่อการทำงาน ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเกือบทุกรายการ (3.91) ยกเว้นเรื่อง ทักษะในการใช้ภาษาต่างประเทศในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจในระดับปานกลาง (2.80) ด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (4.58) และด้านคุณลักษณะของบัณฑิต ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเกือบทุกรายการ (4.38) ยกเว้นเรื่อง จิตใจดีงาม และความภาคภูมิใจในสถาบันที่สำเร็จการศึกษา ผู้บังคับบัญชาของบัณฑิตมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (4.60 และ 4.80 ตามลำดับ)

โครงการประเมินผลการดำเนินโครงการ ตชด.

การประเมินผลการดำเนินโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ครั้งนี้เป็นการประเมินถึงความสำเร็จของการดำเนินโครงการตามวัตถุประสงค์ ตามรูปแบบการประเมินตามแนวการประเมินผลของ Tyler ประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ ครูในโรงเรียน ตชด. 3 โรงเรียน คือ โรงเรียน ตชด.บ้านต้นมะม่วง โรงเรียน ตชด.เฮงเค็ลไทย และโรงเรียน ตชด.วัดสุธาสินี และนักศึกษาวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครที่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียน ตชด. ผลการประเมินแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ประเมินความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์ของโครงการกับกิจกรรม พบว่า การดำเนินกิจกรรมโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนฯ มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเรื่องความคิดเห็นที่มีต่อโครงการ ตชด. ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พบว่า การดำเนินโครงการนี้ ดีมาก สามารถช่วยให้โรงมีการพัฒนาทั้งในด้านกายภาพ สภาพแวดล้อม และด้านวิชาการ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้พัฒนาให้อย่างต่อเนื่องและอยากให้มาพัฒนาต่อไป โดยประโยชน์จะตกแก่นักเรียน และนักเรียนได้มีโอกาสและความรู้ใหม่ ๆ เทียบเท่ากับนักเรียนทั่วไป ในเรื่องของความต้องการในการพัฒนา พบว่า ด้านกายภาพ โรงเรียนบ้านต้นมะม่วง และโรงเรียนเฮงเคียว มีความพร้อมด้านกายภาพอยู่แล้ว เว้นแต่ โรงเรียนวัดสุธาสินี ยังมีความต้องการที่จะพัฒนาด้านสภาพแวดล้อม เช่น การปรับภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมรอบโรงเรียน ส่วนในด้านวิชาการ ให้ความคิดเห็นว่า การดำเนินโครงการในด้านวิชาการของโครงการเป็นการดำเนินงานที่ดีมาก แต่วิชาการที่ครู ต้องการเพิ่มเติมความรู้ในศาสตร์ของ คอมพิวเตอร์ นาฏศิลป์ และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องการในการพัฒนามาก และผู้ให้สัมภาษณ์ให้ความคิดเห็นว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ควรเข้ามาเสริมในส่วนของด้านวิชาการอย่างเป็นระบบ นอกจากครูจะได้ประโยชน์แล้ว ผลพลอยได้คือสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนได้
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนต่อการดำเนินโครงการ พบว่า ความคิดเห็นของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนต่อการดำเนินโครงการ อยู่ในระดับมากทุกรายการ โดยมีความคิดเห็นว่า ผู้ดำเนินงานโครงการมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับโครงการ เห็นความสำคัญของผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีความพึงพอใจต่อโครงการและคิดว่าควรดำเนินการต่อไป
ตอนที่ 3 ความคิดเห็นของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า นักศึกษาเห็นว่ารายการประเมินที่นักศึกษาเห็นว่าอยู่ในระดับมากที่สุด คือ โครงการนี้เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับนักศึกษา กิจกรรมในโครงการเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ตชด. ระดับมาก คือ นักศึกษาเต็มใจเข้าร่วมโครงการ ระดับปานกลาง คือ บุคลากรดำเนินโครงการมีเพียงพอ นักศึกษาคิดว่าควรปรับเปลี่ยนกิจกรรมในโครงการ ระดับน้อย คือ นักศึกษาถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการ
สำหรับความคิดเห็นในเรื่องของการนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ นักศึกษามีความคิดเห็นว่า สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ และนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่องการฝึกสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะการจัดทำสื่อการเรียนการสอน การทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การประสานงาน การทำงานร่วมกับผู้อื่น การใช้แรงจูงใจในการควบคุมนักเรียน ความอดทนอดกลั้น ทำให้เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม ทำให้รู้จักมีการวางแผนการทำงาน ตั้งแต่การเตรียมการ จนถึงการลงมือปฏิบัติ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ การดำเนินงานที่คุ้มค่าต่อการจัดทำเพราะทำให้เกิดความรู้มากมายเช่น ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นประสบการณ์ชีวิต ทั้งนักศึกษาและนักเรียน ได้รับการฝึกทักษะในการจัดกิจกรรม และฝึกวิธีการพูดในชั้นเรียน ได้ปฏิบัติจริง ได้พบกับสภาพที่เป็นจริงของโรงเรียนต่างจังหวัด และได้มีส่วนร่วมที่จะพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญและด้อยโอกาสในการเรียนรู้ นักศึกษารู้รักสามัคคีกันโดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างสาขา นักศึกษาบางคนรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น นาน ๆ ทีจะได้ทำประโยชน์ร่วมกัน รู้จักตนเองมากขึ้น ก่อให้เกิดความสามัคคีและการให้อภัย
สำหรับปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ ในการจัดทำโครงการ นักศึกษาไม่มีปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อโครงการ
1. โครงการควรจัดดำเนินการทุกปี เพราะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาเป็นอย่างมาก ต้องมีการพัฒนานักเรียนในโรงเรียน ตชด. อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักเรียนยังมีความรู้ในแต่ละด้านน้อยมาก
2. เรื่อง น้ำ ทั้งน้ำที่ใช้อาบและน้ำเพื่อบริโภคควรเตรียมให้เพียงพอ
3. ควรมีกิจกรรมระหว่างสาขาที่ไปร่วมกิจกรรมเนื่องจากนักศึกษาที่ไปด้วยกันยังมีความสัมพันธ์ระหว่างกันน้อย ทำให้เกิดความไม่เป็นกันเองสูง
4. มหาวิทยาลัยควรสนับสนุนงบประมาณให้มากกว่านี้และจัดหาเครือข่ายร่วมโครงการ รวมทั้งอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อการทำงาน
5. ควรมีกิจกรรมให้นักศึกษาทำร่วมกันให้มากกว่านี้ เนื่องจากกิจกรรมน้อยจึงทำให้นักศึกษาบางคนไม่เข้ามามีส่วนร่วม