วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โครงการประเมินผลการดำเนินโครงการ ตชด.

การประเมินผลการดำเนินโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ครั้งนี้เป็นการประเมินถึงความสำเร็จของการดำเนินโครงการตามวัตถุประสงค์ ตามรูปแบบการประเมินตามแนวการประเมินผลของ Tyler ประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ ครูในโรงเรียน ตชด. 3 โรงเรียน คือ โรงเรียน ตชด.บ้านต้นมะม่วง โรงเรียน ตชด.เฮงเค็ลไทย และโรงเรียน ตชด.วัดสุธาสินี และนักศึกษาวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครที่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียน ตชด. ผลการประเมินแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ประเมินความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์ของโครงการกับกิจกรรม พบว่า การดำเนินกิจกรรมโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนฯ มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเรื่องความคิดเห็นที่มีต่อโครงการ ตชด. ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พบว่า การดำเนินโครงการนี้ ดีมาก สามารถช่วยให้โรงมีการพัฒนาทั้งในด้านกายภาพ สภาพแวดล้อม และด้านวิชาการ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้พัฒนาให้อย่างต่อเนื่องและอยากให้มาพัฒนาต่อไป โดยประโยชน์จะตกแก่นักเรียน และนักเรียนได้มีโอกาสและความรู้ใหม่ ๆ เทียบเท่ากับนักเรียนทั่วไป ในเรื่องของความต้องการในการพัฒนา พบว่า ด้านกายภาพ โรงเรียนบ้านต้นมะม่วง และโรงเรียนเฮงเคียว มีความพร้อมด้านกายภาพอยู่แล้ว เว้นแต่ โรงเรียนวัดสุธาสินี ยังมีความต้องการที่จะพัฒนาด้านสภาพแวดล้อม เช่น การปรับภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมรอบโรงเรียน ส่วนในด้านวิชาการ ให้ความคิดเห็นว่า การดำเนินโครงการในด้านวิชาการของโครงการเป็นการดำเนินงานที่ดีมาก แต่วิชาการที่ครู ต้องการเพิ่มเติมความรู้ในศาสตร์ของ คอมพิวเตอร์ นาฏศิลป์ และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องการในการพัฒนามาก และผู้ให้สัมภาษณ์ให้ความคิดเห็นว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ควรเข้ามาเสริมในส่วนของด้านวิชาการอย่างเป็นระบบ นอกจากครูจะได้ประโยชน์แล้ว ผลพลอยได้คือสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนได้
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนต่อการดำเนินโครงการ พบว่า ความคิดเห็นของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนต่อการดำเนินโครงการ อยู่ในระดับมากทุกรายการ โดยมีความคิดเห็นว่า ผู้ดำเนินงานโครงการมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับโครงการ เห็นความสำคัญของผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีความพึงพอใจต่อโครงการและคิดว่าควรดำเนินการต่อไป
ตอนที่ 3 ความคิดเห็นของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า นักศึกษาเห็นว่ารายการประเมินที่นักศึกษาเห็นว่าอยู่ในระดับมากที่สุด คือ โครงการนี้เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับนักศึกษา กิจกรรมในโครงการเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ตชด. ระดับมาก คือ นักศึกษาเต็มใจเข้าร่วมโครงการ ระดับปานกลาง คือ บุคลากรดำเนินโครงการมีเพียงพอ นักศึกษาคิดว่าควรปรับเปลี่ยนกิจกรรมในโครงการ ระดับน้อย คือ นักศึกษาถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการ
สำหรับความคิดเห็นในเรื่องของการนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ นักศึกษามีความคิดเห็นว่า สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ และนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่องการฝึกสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะการจัดทำสื่อการเรียนการสอน การทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การประสานงาน การทำงานร่วมกับผู้อื่น การใช้แรงจูงใจในการควบคุมนักเรียน ความอดทนอดกลั้น ทำให้เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม ทำให้รู้จักมีการวางแผนการทำงาน ตั้งแต่การเตรียมการ จนถึงการลงมือปฏิบัติ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ การดำเนินงานที่คุ้มค่าต่อการจัดทำเพราะทำให้เกิดความรู้มากมายเช่น ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นประสบการณ์ชีวิต ทั้งนักศึกษาและนักเรียน ได้รับการฝึกทักษะในการจัดกิจกรรม และฝึกวิธีการพูดในชั้นเรียน ได้ปฏิบัติจริง ได้พบกับสภาพที่เป็นจริงของโรงเรียนต่างจังหวัด และได้มีส่วนร่วมที่จะพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญและด้อยโอกาสในการเรียนรู้ นักศึกษารู้รักสามัคคีกันโดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างสาขา นักศึกษาบางคนรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น นาน ๆ ทีจะได้ทำประโยชน์ร่วมกัน รู้จักตนเองมากขึ้น ก่อให้เกิดความสามัคคีและการให้อภัย
สำหรับปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ ในการจัดทำโครงการ นักศึกษาไม่มีปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อโครงการ
1. โครงการควรจัดดำเนินการทุกปี เพราะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาเป็นอย่างมาก ต้องมีการพัฒนานักเรียนในโรงเรียน ตชด. อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักเรียนยังมีความรู้ในแต่ละด้านน้อยมาก
2. เรื่อง น้ำ ทั้งน้ำที่ใช้อาบและน้ำเพื่อบริโภคควรเตรียมให้เพียงพอ
3. ควรมีกิจกรรมระหว่างสาขาที่ไปร่วมกิจกรรมเนื่องจากนักศึกษาที่ไปด้วยกันยังมีความสัมพันธ์ระหว่างกันน้อย ทำให้เกิดความไม่เป็นกันเองสูง
4. มหาวิทยาลัยควรสนับสนุนงบประมาณให้มากกว่านี้และจัดหาเครือข่ายร่วมโครงการ รวมทั้งอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อการทำงาน
5. ควรมีกิจกรรมให้นักศึกษาทำร่วมกันให้มากกว่านี้ เนื่องจากกิจกรรมน้อยจึงทำให้นักศึกษาบางคนไม่เข้ามามีส่วนร่วม

ไม่มีความคิดเห็น: